ศาลอุทธรณ์ภาค8พิพากษากลับ
ให้ลูกน้องบังฟัต มีความผิดในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์
เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขณะที่จำเลยที่1-6 ศาล
จะส่งสำรนวนไปอ่านที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
จากกรณีที่นายซูริก์ฟัต
หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมพวก 8 คน ร่วมกันสังหารโหดนายวรยุทธ หรือผู้ใหญ่บัต
สังหลัง อายุ 46 ปี อดีต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวเสียชีวิตรวม 8 ศพ ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง
สร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่9
ก.ค.ต่อเนื่องวันที่10 ก.ค.60 หลังเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุตำรวจรวบตัวบังฟัตพร้อมพวกได้
มูลเหตุเกิดจากความยัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธนำไปจำนองไว้กับบังฟัต
แต่บังฟัตกลับนำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคารอีกทอดหนึ่งไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้จนนำมาสู่ความขัดแย้ง
และเกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้น โดยคดีนี้
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28
มี.ค.61 ให้ประหารชีวิตนายซูริก์ฟัต และพวกรวม6คน ยกเว้น จำเลยที่ 7และ8 คือ.นายธวัฒชัย บุญคง
(ชัย) อายุ 37 ปี พิพากษาจำคุก 1 ปี 9
เดือน และ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี
ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน ต่อมาจำเลยทั้ง 8 คน
ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน ศาลอุทธรณ์ภาค 8
ได้นัดฟังคำพิพากษาเมื่อวันที 4 มิ.ย.ที่ผ่าน
แต่จำเลยที่ 7 ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์จึงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันนี้
โดยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่
9 ก.ค.62 ที่ศาลจังหวัดกระบี่
ผู้พิพากษาศาลจังหวัดกระบี่ ได้นั่งบัลลังก์ที่ 1 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค8
ในกรณีที่ทางจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ คำตัดสินศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 23
ธ.ค.61 ที่ ศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิต จำเลยที่ 1-6 จำเลยที่7 จำคุก1 ปี 9 เดือน และจำเลยที่ 8 จำคุก 12 เดือนตามลำดับ โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาว่า จำเลยที 7 ได้ให้การยอมรับในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การ
ว่าในวันเกิดเหตุ จำเลยได้พกอาวุธปืนช่วยคุมเชิงอยู่นอกบ้าน และคุมตัวผู้ตายที่ 1
ไว้ในรถก่อนที่ผู้ตายที่ 1 จะถูกนำตัวไปยิงในบ้าน
บ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 7 มีเจตนาร่วมกระทำความผิด
ตั้งแต่ต้น จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 7
คือนายธวัฒชัย บุญคง
มีความผิดตามข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค5 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษสูงที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต
และศาลตัดสินให้จำเลยที่
7 ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่
1-6 ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 และ 2 เป็นเงิน 630,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1,445,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 962,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 2,402,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 6 จำนวน 420,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 7 จำนวน 720,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 8 จำนวน 960,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 8 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคำอุทธรณ์ ในข้อหารับของโจรโดยเหตุฉกรรจ์ ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่า
จำเลยไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง
ด้านนายจรีย์
บุตรเติบ และนางสาวอัญชลี
บุตรเติบ ญาติผู้เสียชีวิต
กล่าวว่า พอใจในคำพิพากษา ของศาลในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอใจ 100
เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำเลยที่ 8 ไม่ได้รับโทษเพิ่ม ซึ่งหลังจากนี้จะได้ปรึกษา ทนายความ
เพื่อที่จะดำเนินการยื่นฎีกาได้หรือไม่ ต่อไป
ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ สารภี
ทนายจำเลย กล่าวว่า หลังฟังคำพิพากษาในวันนี้ ในส่วนของจำเลยที่ 1 -6
ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาในวันนี้ เนื่องจาก จำเลยที่1-6 ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำนครศรีธรรมราช ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาได้
ซึ่งศาลจังหวัดกระบี่จะได้ส่งคำพิพากษาไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่ออ่านให้จำเลยที่ 1- 6
ได้ฟังต่อไป โดยศาลจะนัดวันอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง
-----------------------------------------------

0 ความคิดเห็น