นายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกระบี่คณะทำงานโต๊ะข่าวเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าจังหวัดกระบี่ จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ปัญหายาเสพติด การจัดระเบียบสังคฒ และการบังคับใช้กฎหมาญ การรักษาความสะอาดของบ้านเมือง รวมทั้งความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและความปลอดภัยทางทะเล ในส่วนของปัญหายาเสพติดขณะนี้จังหวัดกระบี่มีสถิติการจับกุมสูง มีผู้ต้องขังที่มีความผิดในคดียาเสพติดโดยละ 70 สูงเป็นอันดับ 6 ของประเทศ ดังนั้นจังหวัดกระบี่จะต้องเร่งดำเนินการจับกุมเป้าหมายรายใหญ่ ในขณะเดียวกันจะต้องให้ความสำคัญเพิ่มความถี่และรุกพื้นที่จับกุมผู้ค้ารายย่อย ตำรวจ ปกครองและ สาธารณสุขจะต้องร่วมมือบูรณาการการในการปฏิบัติงาน
สำหรับสถิติการจับกุมยาเสพติด ในรอบเดือนของปีนี้มีทั้งสิ้น 1, 720 คดีผู้ต้องหากว่า 1, 800 ราย ในภาพรวมการจับกุมคดียาบ้าทรงตัว ส่วนยาไอซ์ลดลงเมื่อ 2 เดือนก่อนแต่ในเดือนที่ผ่านมาขยับสูงขึ้น ส่วนชนิดของยาเสพติดเป็นยาบ้ามากกว่า 90% ส่วนผู้ ผู้เสพยาเสพติดซึ่งเป็นผู้ป่วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำสู่การบำบัดรักษาทั้งในรูปแบบของการสมัครใจบำบัดและบังคับบำบัดสำหรับเรือนจำจังหวัดกระบี่ได้จัดโครงการบำบัดผู้ต้องโทษ 2 โครงการได้แก่การอบรมแกนนำTO BE NUMBER ONE หญิง 50 คนชาย 50 คนและการบำบัดฟื้นฟูแบบชุมชนบำบัดหลักสูตร 4 เดือนซึ่งกำลังดำเนินการอยู่
นอกจากนั้นยังทีการดำเนินงานโครงการตามแผนงานสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มประชาชนทั่วไป โครงการการ มTO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา สถานประกอบการและในชุมชนโดยจากการประกวดชมรมTO BE NUMBER ONE ระดับภาคใต้ ที่จังหวัดสุราษฏร์ กระบี่มีชมรมที่ผ่านเข้าประกวดชมรมในระดับประเทศ 4 ชมรมได้แก่ชมรมชุมชนตำบลคลองท่อมใต้ชมรมตำบลคลองคลองพน ชมรมโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกู, และชมรมโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยจังหวัดกระบี่ ซึ่งได้เตรียมพร้อมรับเสด็จฯ องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่จะมาติดตามงาน ในกลางเดือนมิถุนายนนี้ที่รร.อบจ.กระบี่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ฝากประเด็นสำคัญสำหรับคณะ กรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกระบี่ คณะทำงานโต๊ะข่าวเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด ในประเด็นการทำความเข้าใจเรื่อง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ให้นำยาเสพติดประเภท 5 “กัญชา-กระท่อม” ไปใช้ทางการแพทย์ แต่ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่ ผู้ลักลอบครอบครองและจำหน่ายรับโทษเหมือนเดิม นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องข่าวรั่ว ส่งผลต่อการทำงาน ประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องทางตรงทางอ้อมหลายหน่วยงานรวมถึงระดับกำนันผู้ใหญ่บ้านด้วย หน่วยงานบางหน่วยมีผลงานมากในการจับแต่หน่วยงานเดียวกันนั้นมีหลักฐานการรับเงินในบางโอกาสเช่นเดียวกัน ทั้งนี้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้นแม้ว่าจะระดมเงินทุน หรือการปรับแผนโครงสร้างจะดำเนินการอย่างไรก็ตาม แต่หากขาดความร่วมมือจากชุมชนประชาชนการดำเนินงานจะไม่สำเร็จนอกจาก นั้นในพื่้นที่แนวชายแดน ปปส.จะต้องเจาะพื้นที่เพื่อปิดกั้นการเข้ามาของยาเสพติดด้วย-----------------------------------------------

0 ความคิดเห็น